ข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงรายหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วยอาการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก
เป็นการปลุกให้คนในสังคมให้ความสนใจโรคไข้เลือดออกกันมากขึ้น
ทำไมเพียงแค่เป็นไข้เลือดออกจึงคร่าชีวิตนักแสดงหนุ่มคนนี้
ไข้เลือดออกที่พบในบ้านเราเกิดจากไวรัสเดงกี่
(Dengue
virus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ส่วนการรักษานั้น ไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคไข้เลือดออก แต่จะรักษาตามอาการ
ซึ่งผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้เลือดออกอาจจะไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย
หรืออาจจะเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ ไวรัสเดงกี่มี 4 สายพันธุ์ คือ เดงกี่ 1, 2, 3 และ 4 มีความรุนแรงไม่ต่างกันมากนัก การระบาดในบ้านเราจะพบทั้ง 4 สายพันธุ์โดยอาจจะวนเวียนกันไป
ดังนั้นคนหนึ่งคนจะสามารถเป็นไข้เลือดออกได้ 4 ครั้ง
แต่จะไม่ได้เกิดจากสายพันธุ์เดิม
เนื่องจากร่างกายจะมีภูมิต้านทานไวรัสเดงกี่สายพันธุ์นั้นๆ แล้ว
ทั้งนี้การป่วยไข้เลือดออกครั้งแรกจะไม่ค่อยรุนแรงมาก แต่หากเป็นครั้งที่ 2
จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น
ไข้เลือดออกนั้นเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของไทยมาโดยตลอด
มักมีการระบาดเป็นระยะทุก 2-3
ปีช่วงฤดูฝนเพราะมียุงลายชุกชุม
โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยไข้เลือดออกเป็นจำนวนมาก สถานการณ์โรคไข้เลือดออกปี 2558 พบว่ามีอัตราป่วย 219.5
รายต่อประชากรแสนราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 0.10
*
อัตราป่วยตาย หมายถึง
จำนวนผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคใดโรคหนึ่งต่อผู้ที่ป่วยด้วยโรคนั้น
ข้อมูล
: ระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 สำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 5
มกราคม 2559
อาการเฉพาะของโรคไข้เลือดออก
4
ลำดับอาการ คือ 1) มีไข้สูงลอย 2-7 วัน 2) มีอาการเลือดออก จุดแดงเล็กๆ ตามตัว
หรืออาจมีเลือดกำเดาไหลหรือเลือดออกตามไรฟัน 3) มีอาการตับโต
4) ภาวะช็อก ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก แต่สิ่งที่พอจะป้องกันได้คือ
ระวังไม่ให้ถูกยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย
หลีกเลี่ยงที่มืดและอับชื้น
รวมทั้งหากมีอาการที่สงสัยว่าตนเองจะเป็นไข้เลือดออกควรรีบไปพบแพทย์ทันที |