ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฯ และบริษัทเวิร์คกิ้งฯ ตกลงจะร่วมมือกันส่งเสริม และแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น ร่วมกันเป็นเวลา 3 ปี โดยรูปแบบความร่วมมือจะมี 2 ขั้นตอนคือ หลังการลงนามในข้อตกลงแล้วจะมีการนำตัวแทนกลุ่มเป้าหมายชาวญี่ปุ่นไปศึกษาดูงานในพื้นที่ 6 วัน จากนั้นกลุ่มเป้าหมายจะกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น แจ้งญาติ หรือกลุ่มของตนเพื่อพิจารณาเลือกสมัครใจไปพักตามสถานที่ต่างๆ ในลักษณะเลือกพำนักระยะยาว ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน หรือนับปี ฯลฯ

       

นายอภิชา กล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในเป้าหมายดึงดูให้เข้ามาพำนักระยะยาวในเชียงราย คือ กลุ่มคนสูงวัย และเกษียณอายุจากการทำงานแล้ว มีโอกาสพำนักอยู่ต่างประเทศตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมา มีชาวญี่ปุ่นมาพำนักในเชียงรายอยู่แล้วประมาณ 1,000 คน กระจายตามพื้นที่ต่างๆ มีการทำกิจกรรม และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีกับคนในท้องถิ่น

       

นายอภิชา บอกว่า หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จก็จะดึงคนญี่ปุ่นให้เข้ามาพำนักระยะยาวในเชียงรายได้นับแสนคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าจังหวัดอย่างมหาศาล

       

“หากโครงการระยะ 3 ปีนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะขยายไปยังท้องที่จังหวัดใกล้เคียงด้วย”

       

ด้านนายมิชายะ กล่าวว่า ปัจจุบันญี่ปุ่น มีผู้สูงอายุ หรือเกิน 60 ปี เฉลี่ย 1 คนต่อจำนวนประชากร 3.31 คน ซึ่งถือว่ามาก เมื่อเทียบกับคนไทยที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 1 คนต่อจำนวนประชากร 10 คน โดยคนกลุ่มนี้ต้องการเดินทางไปพำนักระยะยาวนอกประเทศกว่า 69% ซึ่งตนเห็นว่า จ.เชียงราย มีความเหมาะสม และจะสามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของพื้นที่ที่ไปพำนักได้ เนื่องจากคนเหล่านี้ถือทรัพย์สินของครอบครัวเอาไว้กว่า 80%

       

“เชื่อว่าคนกลุ่มนี้สนใจมาพำนักที่เชียงรายมาก แต่ไม่ค่อยทราบข้อมูลมากนัก แม้ว่าพื้นที่นี้จะมีสภาพอากาศเย็นสบายคล้ายเมืองฮิโรชิมาก็ตาม”

       

ดังนั้น หลังจากนี้บริษัทฯ จะนำข้อตกลงไปดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเผยแพร่ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายในเว็บไซต์ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.56 นี้ และวันที่ 2 พ.ย.ก็จะนำข้อมูลไปจัดแสดงภายในงาน Expo ที่โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นด้วย

ขอบคุณแหล่งข่าว : ผู้จัดการออนไลน์    / นำเสนอโดย : เชียงรายโฟกัสดอทคอม